ภาวะ PCOS หรือ Polycystic Ovary Syndrome เป็นความผิดปกติของฮอร์โมนที่พบได้บ่อย โดยพบในผู้หญิงประมาณ 40% ที่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก หลายคนอาจไม่รู้ตัวว่าเป็น PCOS ซึ่งทำให้การวินิจฉัยและการรักษาล่าช้าออกไป PCOS ส่วนใหญ่เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน ไม่ใช่จากถุงน้ำในรังไข่ และมักส่งผลต่อระดับคอเลสเตอรอล การควบคุมอินซูลิน และน้ำหนักตัว เป็นภาวะที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์

สงสัยว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณอะไรอยู่หรือเปล่า? อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบอกเหตุของ PCOS ที่คุณควรรู้จัก

• ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีเลือดออกผิดปกติ
• น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือลดน้ำหนักได้ยาก
• ท้องอืด และรู้สึกไม่สบายบริเวณท้องน้อย
• ผิวคล้ำขึ้น มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ
• ขนตามใบหน้าและร่างกายขึ้นมากผิดปกติ
• สิว

PCOS มักวินิจฉัยจากอาการที่แสดง และยืนยันด้วยการตรวจอัลตราซาวด์ ซึ่งสามารถตรวจพบถุงน้ำหลายใบในรังไข่ สิ่งสำคัญ คือ ต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างภาวะ Polycystic Ovaries (PCO) และ Polycystic Ovarian Syndrome (PCOS) เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เป็น PCO จะพัฒนาไปเป็น PCOS หรือมีปัญหาเรื่องการมีบุตร

• ลักษณะ: เป็นภาวะที่รังไข่มีถุงน้ำขนาดเล็กจำนวนมาก (มากกว่า 12 ใบ) ซึ่งเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน ทำให้ไข่ไม่สามารถเจริญเติบโตและตกไข่ได้ตามปกติ
• อาการ: อาจไม่มีอาการใด ๆ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีสิวขึ้นบ้าง
• ผลกระทบ: ส่วนใหญ่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากนัก และอาจไม่ส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์เสมอไป

• ลักษณะ: เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนหลายชนิด นอกจากจะมีถุงน้ำในรังไข่หลายใบเหมือน PCO แล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย
• อาการ: มีอาการหลากหลาย เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ขนดก สิว น้ำหนักเกิน ภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือมีปัญหาเรื่องการเผาผลาญ
• ผลกระทบ: ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและภาวะเจริญพันธุ์มากกว่า PCO อาจทำให้มีลูกยาก เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ

PCOS เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะมีบุตรยากในผู้หญิง เนื่องจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนและอินซูลิน

ความไม่สมดุลของฮอร์โมน ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายหรือแอนโดรเจนสูงขึ้น ซึ่งขัดขวางการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ และส่งผลต่อการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ PCOS ยังทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และส่งผลต่อการตกไข่ ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลงอีกด้วย

หากคุณสงสัยว่าตนเองมีภาวะ PCOS ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะพยายามตั้งครรภ์ การรับประทานยาคุมกำเนิดชั่วคราวอาจช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและจัดการอาการได้ อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น การควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ก็สามารถช่วยจัดการกับ PCOS และเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติได้เช่นกัน

การรักษาดัชนีมวลกาย (BMI) ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (18.5-24.9) เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการอาการ PCOS และควบคุมการตกไข่ การลดน้ำหนัก มักเป็นขั้นตอนแรกที่แนะนำสำหรับผู้หญิงที่มี PCOS แต่เนื่องจากลักษณะของโรค การลดน้ำหนักอาจเป็นเรื่องท้าทาย การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์ที่ Genea จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

แพทย์อาจแนะนำการรักษาทางการแพทย์ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของ PCOS และอาการที่แสดง เช่น

• ยา: เพื่อกระตุ้นการตกไข่
• การผ่าตัด: ในกรณีที่รุนแรง อาจต้องใช้การผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูการตกไข่ให้เป็นปกติและเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

สำหรับผู้ที่มีภาวะ PCOS และประสบปัญหาในการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ Genea มีบริการรักษาภาวะเจริญพันธุ์ที่ครอบคลุม เราพร้อมช่วยคุณจัดการ PCOS อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายในการมีบุตร ผ่านการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การรักษาทางการแพทย์ และการบำบัดภาวะเจริญพันธุ์ที่เหมาะกับแต่ละบุคคล

ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอนของการเดินทางสู่การเป็นพ่อแม่ เรามีบริการที่ทันสมัย เช่น IVF, ICSI และการแช่แข็งไข่ พร้อมการดูแลส่วนบุคคลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

รับคำตอบทุกข้อสงสัย และคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์ของ Genea จากประเทศออสเตรเลีย พร้อมตอบทุกข้อสงสัยของคุณเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยาก และให้บริการโซลูชั่นที่เหมาะกับคุณ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นสำรวจทางเลือก หรือต้องการการรักษาขั้นสูง การทำความเข้าใจและจัดการกับ PCOS อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สำเร็จได้อย่างมาก